นอกจากเรื่องของทำเลที่ตั้ง ลักษณะการออกแบบตัวบ้านและงบประมาณที่มีในกระเป๋าแล้ว สิ่งที่ต้องคำนึงถึงอีกอย่างหนึ่งก็คือเรื่องของทิศของห้อง หลายคนตัดสินใจซื้อบ้านหลังใหม่โดยไม่ให้ความสำคัญกับทิศ เมื่อได้เข้าไปอยู่อาศัยก็ต้องพึ่งดวงเอาว่าจะได้แสงแดด หรือ สายลม ในช่วงเวลาที่ต้องการหรือไม่ ทั้งหมดนี้ สามารถกำหนดได้ แค่ดูทิศห้องให้เป็นตั้งแต่เริ่มแรกเท่านั้นเอง
การจัดวางห้องให้อยู่ในทิศที่สอดคล้องกับการใช้งานนั้นสำคัญมากอันดับต้นๆ สำหรับการออกแบบจัดวางผังที่ดี ทิศห้องจะเป็นตัวกำหนด ว่าควรจะมีช่องลมและช่องรับแสงตำแหน่งไหนดี เพราะทิศทางของแดดและกระแสลมจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามแต่ฤดูกาลสามารถพิจารณาเบื้องต้นแบบง่าย ๆ ได้ดังนี้
ห้องนอน
ควรตั้งอยู่ทาง ทิศเหนือ เพื่อรับแสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้า ช่วงเวลา 6.30-9.00 น. อีกทั้งเมื่อถึงช่วงก่อนนอน ห้องที่อยู่ทางทิศนี้จะไม่สะสมความร้อน ทำให้นอนหลับสบายในเวลากลางคืน ยิ่งถ้าเป็นช่วงฤดูหนาว ก็จะมีลมเย็น พัดเข้ามาด้วย
ห้องรับแขก และห้องทำงาน
ควรตั้งอยู่ทาง ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อรับแสงแดดในช่วงเช้าที่ยังไม่ร้อนจนเกินไป ตกบ่ายแสงแดดก็ไม่สาดเข้ามา สามารถนั่งทำงาน หรือนั่งเล่นได้ตลอดทั้งวัน
ห้องรับประทานอาหาร
ควรตั้งอยู่ทาง ทิศตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อรับลมจากทิศใต้สำหรับการระบายอากาศ หรือหากใครจะย้ายไปตั้งติดกับห้องครัวก็ได้
ที่จอดรถ และห้องเก็บของ
ควรตั้งอยู่ทาง ทิศตะวันตกเฉียงใต้ เพื่อเป็นตัวกั้นไม่ให้ความร้อนเข้าไปถึงตัวบ้านได้ แต่ก็ควรมีการระบายอากาศที่ดีด้วย ทิศนี้ควรมีชายคายื่นยาวเป็นพิเศษเพื่อช่วยป้องกันแสงแดดในช่วงบ่าย และป้องกันฝนสาดเข้าสู่ตัวบ้าน
ห้องน้ำ ห้องครัว ส่วนซักล้าง
ควรตั้งอยู่ทาง ทิศตะวันตก เพื่อให้แสงแดดช่วยฆ่าเชื้อโรค และลดกลิ่นอับอัน ทั้งยังช่วยป้องกันความร้อน และความชื้นเข้าไปยังพื้นที่ใช้งานในบ้าน และ ถ้าหากส่วนซักล้างอยู่ทางทิศตะวันตก ก็จะยิ่งสามารถได้ประโยชน์จากแสงแดดยามบ่ายได้อย่างเต็มที่
เลือกทิศ ให้ตอบโจทย์
สุดท้ายแล้วเราจะเห็นว่าห้องไหนควรหันทิศไหน ถึงจะมีข้อดี ทั้งในเรื่องของฮวงจุ้ย และทิศทางแสง ทิศทางลม เราจึงสามารถเลือกให้เหมาะกับความต้องการ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต สุดท้ายแล้วการเลือกซื้อบ้านสักหลัง ก็ต้องเอาความสบายใจของผู้อยู่อาศัยเป็นที่ตั้ง เลือกหลังที่ชอบ ทำเลที่ใช่